"SCHOOL EXPERIMENT" โปรเจคนำโดย School Coffee ร่วมด้วยผองเพื่อนสหายกาแฟที่หลงรักหรือ สนใจมาสัมผัสการใช้เวลาในไร่กาแฟ เก็บเชอรี่กาแฟ และสนุกกับการเรียนรู้และร่วมกันทดลองการแปรรูป กาแฟ (process) ซึ่งแต่ละปีมีแนวทางที่พวกเราเลือกมาทดลองแตกต่างกันไป โดยหวังว่าผลสรุปที่ได้ทั้งสิ่งที่ทดลองทำแล้วพบว่าทำให้กาแฟอร่อยขึ้น หรือทำแล้วพบว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำก็ตาม จะเป็นแนวทางหรือองค์ความรู้ที่มีประโยชน์ต่อไปกับผู้ที่สนใจในเรื่องการทำ process และการพัฒนากาแฟไทย
อีกทั้งกาแฟที่ได้จาก โปรเจคนี้ จะถูกส่งต่อเพื่อนำไปเสนอบนเวทีแข่งขัน brewing ให้วงกว้างได้รู้จักกาแฟไทยที่มีคุณภาพต่อไปด้วยและแจกจ่ายกาแฟบางส่วนกลับไปให้สมาชิกที่มาร่วมลงมือลงแรงกันให้ได้ชิมกาแฟที่ลงมือเก็บและทำ process เอง รวมทั้งติดตามผลว่ารสชาติเป็นอย่างไร
School Experiment นี้ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ซึ่งปีนี้ก็เช่นเดียวกันกับทุกปี พวกเราได้รับความอนุเคราะห์เอื้อเฟื้อสถานที่พัก ไร่กาแฟ สถานที่ทำ process การถ่ายทอดความรู้ และความสะดวกสบายตลอดโปรเจคนี้จากพี่ใหญ่ของพวกเรา พี่วัลลภ Nine One Coffee พวกเราทำกิจกรรมกันที่ไร่กาแฟ 2 แห่งในบริเวณ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ โดยใช้เวลา 4 วัน 4 คืนกันที่แม่ตอนหลวง ต.เทพเสด็จ จากนั้นย้ายไปทำกิจกรรมอีก 3 วัน 2 คืน ที่ไร่กาแฟใน ต.ป่าเมี่ยง
ภาพรวม School Experiment และการเก็บเชอรี่กาแฟ
พวกเรานัดรวมตัวกันที่ร้านกาแฟ Nine One Coffee ที่วันนิมมานแต่เช้าตรู่ พอสมาชิกพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว ก็ออกเดินทางไปยังริมธารบ้านเมี่ยงด้วยรถโดยสารสองแถวสีเหลืองที่ทีมงานได้จัดเตรียมเอาไว้ ใช้เวลาไม่นาน พวกเราก็มาถึง จากที่นี่ไปยังไร่กาแฟที่แม่ตอนหลวง เราจะเปลี่ยนเป็นนั่งหลังรถกระบะกันต่อ โดยระหว่างที่รอรถมารับ แกนนำทีม School Experiment พี่บิ๊กจาก School Coffee ก็ได้เล่าสรุปภาพรวมของโปรเจคนี้ให้ทุก คนได้ฟัง Process ที่พวกเรานำมาทดลองทำกันในปีนี้ (ซึ่งรายละเอียดจะสรุปไว้ในอีกหัวข้อนึงนะ) แนะนำตัว ทำความรู้จักกัน และแบ่งทีมที่จะต้องผลัดเปลี่ยนกันทำกับข้าวในช่วง 7 วันนี้
พวกเราออกเดินทางกันต่อไปยังไร่กาแฟที่แม่ตอนหลวง จากนี้จะเป็นการขึ้นจากที่ราบด้านล่างขึ้นไปยังพื้นที่สูง ซึ่งแม้จะเป็นช่วงบ่าย แดดแรงก็ตาม แต่ลมที่ปะทะพวกเราระหว่างที่นั่งกันอยู่หลังกระบะรถนั้นเย็นจนพอจะจินตนาการได้ว่าข้างบนไร่กาแฟนั้นจะหนาวเพียงใด
การมาที่แม่ตอนหลวงครั้งนี้ เป็นครั้งแรกของ School Experiment ที่มาพักตรงไร่และเก็บกาแฟที่นี่ จากเมื่อปีที่ แล้วที่พวกเราเดินทางมาจากป่าเมี่ยง มาเก็บกาแฟที่แม่ตอนหลวง แล้วกลับไปนอนที่ป่าเมี่ยง แต่ด้วยระยะเวลา ที่ใช้การเดินทางทำให้มีเวลาสำหรับเก็บกาแฟเพียงไม่กี่ชั่วโมง ปีนี้พวกเราจึงมากางเต็นท์นอนกันที่แม่ตอน หลวงเลย อยู่ที่นี่กัน 4 วัน 4 คืน จากนั้นค่อยย้ายไปพื้นที่เดิมที่เราไปพักเป็นประจำทุกปีที่ป่าเมี่ยง
แผนของแต่ละวันคือ ทานข้าวเช้า ออกไปเก็บกาแฟ กลับมาทานข้าวเที่ยง ออกไปเก็บกาแฟอีก และประมาณ 4 โมงเย็นก็กลับมาบริเวณที่พักเพื่อนำเชอรี่กาแฟที่เก็บได้ของวันนี้ รวมถึงของวันก่อนที่ถึงเวลาต้องสีเปลือกออก แล้ว มาทำ process จากนั้นก็ทานข้าวเย็น สรุปงานประจำวันรวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่ทีมงานของเราได้บันทึกเอา ไว้ และในบางคืนก็มีการแบ่งปันเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งการดริปกาแฟโดยพี่เอ Gallery Drip Coffee การแบ่งปัน ข้อมูลและประสบการณ์จากการทำวิจัยเรื่องดินของไร่กาแฟโดยอาจารย์ต่าย ทีม Coffee Sci การคั่วกาแฟด้วย ตะแกรงคั่วโดยพี่บิ๊ก School Coffee และ เรื่องราว Flavor โดยน้องเพฟ Factory Coffee ส่วนคืนไหนที่ไม่ได้ มีการสอนอะไร ก็ดริปกาแฟดื่มกัน พูดคุยเฮฮาสนุกสนานกันไป
ก่อนเริ่มไปเก็บเชอรี่กาแฟพวกเราไปเดินสำรวจไร่กาแฟ เพื่อดูพื้นที่และขอบเขตของไร่กาแฟ และสอนวิธีการ เก็บเชอรี่กาแฟเบื้องต้น โดยให้เก็บผลที่สุกสมบูรณ์ ซึ่งมักจะมีสีแดงก่ำช้ำ ๆ บางสายพันธุ์อาจออกไปทางสีม่วงช้ำ หรือบางสายพันธุ์เมื่อสุกแล้วจะเป็นสีเหลืองเข้ม โดยพวกเราทาเล็บด้วยสีแดงม่วงก่ำไว้เพื่อเป็นตัวเทียบอ้างอิงกับสีกาแฟที่สุกแล้วด้วย อีกเรื่องสำคัญที่ควรระวังคือการบิดกาแฟออกจากกิ่งโดยไม่ให้ติดขั้วออกมา เพราะหากขั้วยังอยู่ต้นกาแฟก็ยังคงออกลูกกาแฟให้เราเก็บอีกในรอบถัดไป แต่หากขั้วหลุดไปแล้วอาจต้องใช้ เวลานานในการออกตาดอกใหม่
ไร่กาแฟที่แม่ตอนหลวง อยู่ที่ระดับความสูง 1,400 - 1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีลักษณะเป็นป่ากาแฟเก่าดั้งเดิม ต้นกาแฟอายุหลายสิบปีและน่าจะเป็นสายพันธุ์เก่าแก่ที่ปลูกมานานแล้ว ต้นกาแฟสูงมากทำให้ต้องโน้มต้นลงมาเพื่อเก็บเชอรี่กาแฟ พื้นที่ชัน (บางจุดคือชันมาก!) และดินค่อนข้างร่วน จึงต้องใช้ความระมัดระวังและกล้ามเนื้อขาในการเดินลงไปเก็บเมล็ดกาแฟและการเดินกลับขึ้นมา และยังมีคุ่น แมลงตัวเล็กที่รอคอยดูดเลือดแล้วจากไป ทิ้งไว้แต่ความคันมากมายให้กับเราด้วย แต่ด้วยความประทับใจในรสชาติของกาแฟจากแหล่งปลูกแห่งนี้ ทำให้พวกเราอยากมาเก็บกาแฟที่นี่และการได้มาอยู่ที่นี่ พบเจอต้นกาแฟรวมถึงต้นไม้อื่น ๆ ที่อยู่ร่วมกัน เป็นป่าอันสมบูรณ์ อากาศดี ๆ เย็นสบายทั้งวัน วิวภูเขาสลับซับซ้อนสวย ๆ แสงแดดกับวิวต้นไม้ในตอนกลาง วัน ดาวเต็มฟ้าในตอนกลางคืน ทำให้พวกเราประทับใจกับการได้มาใช้ชีวิตเพื่อเก็บกาแฟที่นี่มาก
พวกเรากำหนดเวลามาช่วงนี้ เพราะอ้างอิงจากปีที่แล้วว่าเป็นช่วงที่กาแฟสุกพอดี แต่ด้วยอากาศหนาวเย็นในปีนี้ทำให้กาแฟสุกช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ กาแฟที่สุกสมบูรณ์ที่พวกเราเก็บได้ จึงยังมีไม่มากนัก เป้าหมายที่พวกเราคาดกันไว้ว่าจะเก็บให้ได้วันละ 50 กิโลกรัม จึงเก็บได้ถึงบ้างไม่ถึงบ้าง
พวกเราอยู่ที่นี่กันจนถึงวันที่ 5 ของโปรเจค ก็เดินทางย้ายไปยังไร่กาแฟอีกแห่งคือที่ป่าเมี่ยง ซึ่งพวกเราได้ยินมา ว่ามีกาแฟสุกพร้อมให้เราเก็บเยอะแล้ว เพราะด้วยพื้นที่ที่อยู่ต่ำกว่าและอุณหภูมิที่สูงกว่าบริเวณแม่ตอนหลวง ทำให้กาแฟที่ป่าเมี่ยงสุกไวกว่าที่แม่ตอนหลวง
ไร่กาแฟที่ป่าเมี่ยงเป็นไร่ที่ได้รับการจัดการและดูแลอย่างดีมาเป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว โดยมีการเว้นระยะห่าง ของต้นกาแฟที่ดี มีการตัดแต่งกิ่งให้ต้นกาแฟไม่สูงมาก มีการทำพื้นที่เป็นขั้นบันไดเดินเก็บกาแฟสบาย ดินนิ่มอุดมสมบูรณ์ และเป็นไปอย่างที่คาดกาแฟที่นี่สุกพร้อมให้เราได้เก็บแล้ว
พวกเราใช้ชีวิต เก็บกาแฟ และทำ process กันที่ป่าเมี่ยง จนถึงวันสุดท้ายของโปรเจค ก็พากาแฟทั้งหมดลงไปตากที่บริเวณลานตากของพี่วัลลภ ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับริมธารบ้างเมี่ยง โดยบริเวณดังกล่าวมีทั้งลานตากด้านนอกที่มีการคลุมหลังคาด้านบนเพื่อกรองแสงไม่ให้กาแฟถูกแสงโดยตรง และมีห้องตากกาแฟที่ทำเป็นห้องปิดทึบด้านในมีเครื่องดูดความชื้น (dehumidifier) ติดตั้งไว้ ซึ่งพวกเรานำกาแฟทั้งหมดมาตากในห้องนี้ก่อนจะเดินทางกลับตัวเมืองเชียงใหม่กัน เป็นอันเสร็จสิ้นกิจกรรมที่ทุกคนมาร่วมแรงร่วมใจกันใน School Experiment 2020 ครั้งนี้
เรื่องราวของโปรเจค School Experiment 2020 ยังไม่จบเพียงเท่านี้ สัปดาห์หน้ามาติดตามวิธีการ process กาแฟและการตากกาแฟแบบฉบับ School Exp. ปีนี้กันแบบละเอียดยิบต่อไปค่ะ !!
----------------
ขอขอบคุณ
เรื่อง: จอม อุไรพรรณ์
เรียบเรียง: จอม อุไรพรรณ์ และ Admin บิ๊ก
ภาพ: จอม อุไรพรรณ์, Admin บิ๊ก และพี่เอ Gallery Drip Coffee
Comments