ฤดูร้อนที่ผ่านมา เพื่อนๆ คงได้เห็นข่าวคราวเกี่ยวกับไฟป่าเกิดขึ้นในหลายๆ พื้นที่ แม้แต่พื้นที่ที่ไม่เคยถูกไฟป่ารุกล้ำมาก่อนก็ตาม การเกิดไฟป่าก่อให้เกิดความเสียหายต่อต้นไม้และระบบนิเวศในพื้นที่ ซึ่งในปีนี้ ก็รวมไปถึงพื้นที่ไร่กาแฟของเพื่อนกาแฟกรของเรา “แสนชัย จูเปาะ”
เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส
ช่วงเดือนเมษายน เราได้ทราบจากแสนชัย ว่าไร่กาแฟที่ อ.กัลยาณิวัฒนา จ. เชียงใหม่ ก็โดนไฟป่าทำลายต้นกาแฟที่คุณพ่อปลูกและดูแลมาเป็นสิบปีเสียหายจนเกือบหมด ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ไฟป่าได้ลุกลามจนไหม้ต้นกาแฟในไร่นี้ จึงเป็นที่มาที่ครูใหญ่ของพวกเรา พี่บิ๊ก School Coffee ได้เดินทางไปยัง อ.กัลยาณิวัฒนา เมื่อวันที่ 2 – 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา เพื่อช่วยกันลงต้นกล้ากาแฟเพื่อทดแทนต้นกาแฟเดิมที่ไหม้จากไฟป่าและหาแนวทางป้องกันในระยะยาว
เราเรียกพื้นที่บริเวณไร่กาแฟที่โดนไฟไหม้นี้ว่า “ไร่ทุ่งนา” เพราะมีทุ่งนาอยู่บริเวณใกล้กัน ผลผลิตจากไร่กาแฟนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกาแฟที่แสนชัยเก็บเมล็ดมาทำโปรเสสแล้วส่งให้กับพวกเรานำมาคั่วต่อ แม้จะไม่ใช่พื้นที่ที่ให้ผลผลิตหลัก แต่ก็เป็นต้นกาแฟที่มีความสำคัญเพราะเป็นต้นกาแฟที่คุณพ่อพยายามรักษาสายพันธุ์เก่าแก่ของหมู่บ้านเอาไว้ โดยขยายพันธุ์แล้วนำมาปลูกไว้ที่ไร่นี้และดูแลมาเป็นสิบปี ไร่นี้มีสภาพแวดล้อมที่ดี ทั้งมีร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ พื้นที่ไม่ลาดชัน ดินมีความอุดมสมบูรณ์ ร่วนซุย และนุ่ม เดิมไร่นี้มีกาแฟจำนวน 200 กว่าต้น แต่ก็โดนไฟไหม้ไปประมาณ 200 ต้น คือเกือบทั้งหมดที่ไร่นี้มี
แม้มีความสูญเสียเกิดขึ้น แต่ครอบครัวแสนชัยและทีมก็ไม่ได้จมกับความเศร้าหรือมัวแต่ให้ความสำคัญกับการสืบหาสาเหตุของไฟป่าที่ได้เกิดขึ้นไปแล้ว สิ่งที่พวกเขาทำคือให้ความสำคัญกับสิ่งที่ต้องทำกันต่อไป การที่ต้นกาแฟไหม้เกือบหมดไร่ ทำให้แสนชัยและคุณพ่อได้ใช้วิกฤตนี้ให้เป็นโอกาสด้วยการปรับเปลี่ยนการปลูกกาแฟในไร่นี้ครั้งใหญ่ เนื่องจากพอได้เข้าไปสำรวจไร่แล้วพบว่าต้นกาแฟเดิมนั้นมีการเริ่มต้นการปลูกที่ยังไม่เหมาะสม เช่น ความลึกของหลุมปลูก ระยะห่างระหว่างต้น อีกทั้งต้นไม้มีรากที่ไม่แข็งแรง ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสให้เราได้เริ่มต้นทุกอย่างใหม่อย่างที่ควรจะเป็น เช่น การคัดเลือกสายพันธุ์กาแฟ การเตรียมหลุมและเว้นระยะห่างอย่างเหมาะสม การเลี้ยงดูที่ดี และสิ่งที่ต้องทำเกี่ยวกับการป้องกันไฟป่า เช่น การทำแนวกันไฟ
ก้าวไปข้างหน้า เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืนและลงมือทำ
แสนชัยและคุณพ่อได้เริ่มเตรียมการสำหรับการปลูกต้นกาแฟทดแทนตั้งแต่ 2 เดือนก่อน โดยขุดหลุมเตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อให้ดินไม่มีราและให้ลึกเพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตของต้นกาแฟ จากนั้นใส่ปุ๋ยรองก้นหลุมไว้ให้มีอาหารสำหรับต้นกาแฟและสำหรับต้นกล้ากาแฟที่จะนำมาปลูกนั้น เป็นต้นกล้าอายุประมาณ 1 ปีที่แสนชัยได้เพาะเอาไว้ และเลือกปลูกสายพันธุ์ Serena ที่ได้รับการแบ่งปันมาจากคุณเคเลบ จอร์แดน ซึ่งเป็นบุคคลผู้พัฒนากาแฟระดับต้น ๆ ท่านหนึ่ง แสนชัยเลือกสายพันธุ์นี้ เพราะแข็งแรง อยู่กับสภาพแวดล้อมและทนต่อโรคต่างๆ ในพื้นที่ปลูกได้ และมีรสชาติดี
ช่วงวันที่พี่บิ๊กไปนั้น เป็นการนำต้นกล้าที่แสนชัยได้เพาะไว้ไปปลูกลงหลุม ในวันนั้นมีทั้งครอบครัวแสนชัย พี่บิ๊ก และพี่ๆ กาแฟกรในพื้นที่ รวมทั้งหมด 6 คน ซึ่งต่างก็ทำหน้าที่ตัวเอง โดยหน้าที่พี่บิ๊กคือเอาต้นกล้าออกจากถุงเพาะเพื่อวางลงหลุม คัดเลือกต้นกล้า ตัดแต่งรากให้รากตรงที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพราะจะทำให้ต้นกาแฟมีระบบรากที่แข็งแรงในระยะยาว ซึ่งส่งผลในการลำเลียงอาหารไปยังต้นกาแฟด้วย และหากเจอต้นกล้ากาแฟมีรากที่หงิกงอก็จะไม่นำต้นกล้านั้นมาปลูก เมื่อนำต้นกล้ากาแฟลงหลุมแล้ว ก็เอาหน้าดินซึ่งมีธาตุอาหารสูงผสมลงไปในดิน กลบหลุม และทำขั้นบันไดเล็กๆ เพื่อป้องกันน้ำเซาะดินออก จากนั้นคือการรดน้ำ ซึ่งไม่ต้องทำเอง เพราะช่วงนี้ฝนตกอยู่แล้ว พวกเราปลูกต้นกาแฟได้ประมาณ 100 ต้น ในช่วงครึ่งเช้า เป็นเวลา 3 ชั่วโมง
หลังจากปลูกกาแฟในช่วงเช้าแล้ว ก็มาพักกินข้าวและดื่มกาแฟที่กระท่อมปลายนากัน จากนั้นช่วงบ่ายก็ไปสำรวจพื้นที่ที่คาดว่าจะปลูกกาแฟได้เพิ่มเติมและบริเวณเพื่อทำแนวกันไฟ และในช่วงเย็นก็ชิมกาแฟที่แสนชัยทดลองแปรรูปกาแฟด้วยวิธีการต่างๆไว้ประมาณ 15 โปรเสส เพื่อเรียนรู้และพัฒนาปรับปรุงการทำโปรเสสในฤดูกาลกาแฟต่อไป
ความสูญเสียแสนสาหัสไม่ได้เศร้าเสมอไป
ถึงแม้มันเป็นเรื่องเศร้าที่ต้นกาแฟราว200ต้นที่พวกเราเฝ้าถนอมมากว่าสิบปีล้มตายไปจากไฟป่าในชั่วข้ามคืน แต่บรรยากาศในคืนนั้นกลับมีแต่ความสุขจากกำลังใจ บทสนทนา เสียงหัวเราะและความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ได้เริ่มต้นใหม่ในไร่กาแฟแสนชัยจะ”ยั่งยืน” และ “สุข” กว่าเดิม
เบ่งบาน และเติบโต
เช้าวันรุ่งขึ้น เราก็ยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อได้เห็นการเจริญเติบโตของเด็กๆต้นกาแฟที่ก่อนหน้านี้พวกเราได้พาเพื่อนๆ ชาวบ้านกาแฟกรในพื้นที่มาเพาะเมล็ดสายพันธุ์กาแฟต่างๆ ซึ่งตอนนี้ก็ได้เริ่มผลิใบเลี้ยงน่ารักๆ ออกมาแล้ว และยังได้พบปัญหาบางอย่าง เช่น มีสิ่งมีชีวิตมาทำร้าย บางต้นใบฉีกขาด บางต้นเหี่ยว
ช่วงนี้คุณพ่อและแสนชัยยังคงรดน้ำให้เด็กๆ ทุกวัน ส่วนพวกเราก็ลุ้นกันอย่างมีความหวังว่าเมล็ดที่ยังไม่งอกจะเริ่มผลิใบเลี้ยงออกมาให้ได้เห็นกันในเร็ววันนี้
เราเชื่อว่าในทุกๆวิกฤต มีโอกาสเสมอ แต่อย่ามัวแต่รอโอกาส เราต้องคิดและสร้างมันขึ้นมาเอง
สุดท้ายนี้ "ถึงอะไรๆจะแย่ แต่กาแฟยังดีอยู่ครับ" พี่ชายเราได้กล่าวไว้
------------------------------------------------------------------
เรื่อง ภาพ เรียบเรียง: Admin พี่บิ๊ก, พี่จอม
コメント